DATA COMUNICATION 4
อารมณ์ทางเพศ หรือ ความต้องการทางเพศ ถือว่าเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติประการหนึ่งที่เกิดขึ่นในช่วงชีวิตของคนเรา และจะเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงของวัยรุ่นอย่างไรก็ตาม แม้อารมณ์ที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ก็ควรที่จะได้รับการควบคุมและปฏิบัติให้ถูกต้อง เพราะหากขาดการควบคุมและปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องแล้ว พฤติกรรมที่สืบเนื่องจากอารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นดังกล่าวอาจนำมาสู่การก่อให้เกิดปัญหาทางเพศต่างๆตามมา นักเรียนซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่อยู่ในช่วงเป็นวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ที่รวมไปถึงอารมณ์ทางเพศ ซึ่งอารมณ์ที่เกิดขึ้นมักจะมีความรุนแรงกว่าทุกวัย ดังนั้นการศึกษาทำความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว จึงเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้การปฏิบัติตนมีความถูกต้องเหมาะสมและช่วยลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นได้
1.ความหมายและความสำคัญ
อารมณ์ทางเพศ (sexuality) หรอความต้องการทางเพศ (sexual desire) หมายถึง ความรู้สึกของบุคคลที่เป็นผลจากสิ่งเร้าภายในหรือสิ่งเร้าภายนอกที่เป็นปัจจัยมากระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศขึ้น โดยมีระดับมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมอารมณ์และพื้นฐานด้านวุฒิภาวะของแต่บุคคล จากความหมายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า สิ่งเร้าภายในและสิ่งเร้าภายนอกเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้เกิดอารมณ์ทางเพศหรือความต้องการทางเพศเกิดขึ้น และเมื่อวิเคราะห์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสำคัญของอารมณ์ทางเพศกับวัยรุ่นแล้วสรุปประเด็นที่สำคัญได้ดังนี้
1.อารมณ์ทางเพศถือว่าเป็นสัญชาตญาณในการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อารมณ์ทางเพศของคนเรามีการพัฒนามาเป็นลำดับ จะเริ่มปรากฏชัดเจนมากขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงของวัยรุ่น โดยมีปัจจัยภายในที่ได้รับการกระตุ่นจากฮอร์โมนเพศเป็นสำคัญ จึงถือได้ว่าอารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นในวัยรุ่นเป็นตัวบ่งชี้ประการหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของพัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของวัยรุ่น ที่ก้าวเข้าสู่ช่วงของวัยเจริญพันธุ์มากขึ้น
2.ปัจจุบันสื่อหลายรูปแบบที่ปรากฏอยู่ในสังคมมีส่วนช่วยกระตุ้นแรงขับทางเพศ (sex drive) ของวัยรุ่นให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ง่ายขึ้น เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตอนต้น อารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นจะเริ่มพัฒนามาจากการที่วัยรุ่นให้ความสนใจในการที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนต่างเพศ ในเพศหญิงความสนใจในเรื่องดังกล่าวจะเริ่มที่อายุ 12-13 ปี ส่วนเพศชายจะเกิดช้ากว่าเพศหญิงประมาณ 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าการนำเสนอภาพหรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศผ่านสื่อต่าง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ยั่วยุให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศที่เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายและเร็วขึ้น โดยสื่อต่างๆ เหล่านี้อาจอยู่ในรูปแบบของหนังสือหรือภาพยนตร์บางประเภท รวมไปถึงข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นด้วยระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งผลกระทบจากอารมณ์ทางเพศในแง่ลบจะมีมากยิ่งขึ้นหากวัยรุ่นขาดความรู้ความเข้าใจในแนวทางการควบคุมอารมณ์ทางเพศอย่างถูกต้อง จนในที่สุดอาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจ และนำมาสู่ปัญหาต่างๆ ในสังคมที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่นได้
3.อารมณ์ทางเพศของวัยรุ่นหากขาดวิธีการควบคุมที่ถูกต้องจะนำไปสู่ปัญหาพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่นมากขึ้น วันรุ่นแม้จะเป็นวัยที่มีแรงขับทางเพศสูงกว่าทุกวัย และพร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์หรือมีบุตรได้ก็ตาม แต่สังคมและวัฒนธรรมของไทยก็ยังไม่ยอมรับที่จะให้วัยรุ่น ชาย หญิง แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะได้ทำการสมรสหรืออยู่ในช่วงวัยที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม จากรายงานผลการสำรวจเกี่ยวกับเรื่อง เพศทั่วโลก พ.ศ. 2542: มุมมองของเยาว์ชน (1999 global sex servey: a youth perspective) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทดูเร็กซ์ โดยใช้ฐานข้อมูลจากวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 16-21 ปี ใน 4 ประเทศ จากทุกทวีป ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่นไทยพบว่า วัยรุ่นไทยที่มีประสบการณ์ในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ทั้งในเพศชายและเพศหญิงโดยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่อมมีอายุเฉลี่ย 16.5 ปี และในจำนวนดังกล่าวรู้จักที่จะใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 23 เท่านั้น ซึ่งข้อมูลที่ได้จะชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นในปัจจุบันที่ไม่เหมาะสม และในจำนวนดังกล่างยังมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ตลอดจนการติดต่อของโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ และยังสอดคล้องกับที่ วนิดา พันธ์สะอาด ได้กล่าวไว้ในเรื่อง พฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสมของวัยรุ่น ว่า ‘‘ ปัจจุบันวัยรุ่นไทย มีการแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพศออกมาอย่างเปิดเผย และมักมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น โดยพบว่าวัยรุ่นชายอายุ 15-18 ปี กว่าครึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ และการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นมากกว่าร้อยละ 30 มีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนต่างเพศที่มีความสัมพันธ์ด้วยกัน ’’ ผลการสำรวจและข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของอารมณ์ทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่น และมีแนวโมที่จะเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องและวัยรุ่นจะต้องให้ความสนใจและตระหนักในเรื่องดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อตนเองและสังคมได้
2.ปัจจัยที่ส่งผลให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศ
อารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นในช่วงการเข้าสู่วัยรุ่นเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของร่างกายที่จะสืบทอดและดำรงไว้ซึ้งเผ่าพันธุ์ โดยมีสิ่งเร้าสำคัญใน 2 ลักษณะประกอบด้วยลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน (intrinsic stimulus) และลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก (extrinsic stimulus)
1.ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน
ปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน ในที่นี้หมายถึง สิ่งเร้าซึ่งเป็นผลที่เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายโดยได้รับอิทธิพลมาจากการทำงานและระบบต่อมไร้ท่อ ซึ้งผลิตฮอร์โมนออกมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายมีพัฒนาการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ต่อมไร้ท่อที่ทำหน้าที่ควบคุมและกระตุ้นรวมทั้งผลิตฮอร์โมนทางเพศที่สำคัญ ได้แก่ ต่อมใต้สมองหรือต่อมพิทูอิทารี (pituitary gland) และต่อมเพศ (gonads)
1)ต่อมใต้สมอง หรือ พิทูอิทารีเป็นต่อมไร้ท่อที่สำคัณที่สุดของร่างกาย และถือว่าเป็นต่อมหลักในการควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการทางเพศ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มาสเตอร์แกลน (master gland) ฮอร์โมนที่ต่อมพิทูอิทารีผลิตออกมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศที่สำคัญ ได้แก่
- ฟอลลิเคิล สติมูเลติงฮอร์โมน หรือ เอฟ เอส เอช (Follicle Stimulating Hormoneor FSH) มีคุณลักษณะในการกระตุ้นให้รังไข่ของเพศหญิงผลิตไข่ และกระตุ้นให้หลอดสร้างเชื้ออสุจิ (seminiferous tubules) ในลูกอัณฑะของเพศชายผลิตตัวอสุจิ (sperms)
- ลูไทไนซิงฮอร์โมน หรือ แอล เอช (Luteinizing Hormone or LH) มีคุณลักษณะในการควบคุมการผลิตการใช้ฮอร์โมนเอชโทรเจนหรือโพรเจสเทอโรน (estrogen or progesterone)
- อินเทอร์สทินเทียล เซลล์สติมูเลซิงฮอร์โมน หรือ ไอ ซี เอส เอช (interstitial Cell-stimulating Hormone or ICSH) มีคุณลักษณะในการกระตุ้นให้กลุ่มเซลล์ของเนื้อเยื่อของลูกอัณฑะผลิตและใช้ฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน (testosterone) ได้อย่างสมดุลและเหมาะสม
- ลูติโรโทรปิกฮอร์โมน หรือ แอล ที เอช (Luterotropic Hormone or LTH) มีคุณลักษณะในการกระตุ้นให้เต้านมของเพศหญิงผลิตน้ำนมในภาวะของการคลอดบุตร
2) ต่อมเพศ ถือว่าเป็นปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายในที่กระตุ้นให้คนเราเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นมีพัฒนาการทางเพศ และนำไปสู้การเกิดอารมณ์ทางเพศตามช่วงวัย ในเพศชายต่อมเพศ คือ ลูกอัณฑะ (testis) ส่วนในเพศหญิงต่อมเพศ คือ รังไข่ (ovary) ฮอร์โมนที่ต่อมเพศในแต่ละเพศผลิตออกมา มีคุณลักษณะทีเกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางเพศและการเกิดอารมณ์ความรู้สึกทางเพศดังนี้
- ฮอร์โมนเพศของเพศชาย เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น กลุ่มเซลล์เนื้อเยื่อของลูกอัณฑะนอกจากจะผลิตเซลล์เพศชายหรืออสุจิ (sperm) แล้ว ยังผลิตฮอร์โมนเพศที่สำคัญ คือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ซึ้งฮอร์โมนชนิดนี้จะส่งผลให้วันรุ่นเพศชายมีลักษณะความเป็นชายที่เห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการของการเกิดความรู้สึกต้องการทางเพศขึ้น และหากตัดลูกอัณฑะทั้ง 2 ข้างออกในช่วงของวัยเด็กจะส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติในร่างกายขึ้น เปนต้นว่าอวัยวะเพศจะไม่เจริญเติมโต ไม่มีคุณลักษณะของความเป็นชายมีการสะสมของไขมันบริเวณใบหน้า แขน หน้าอก และบริเวณรักแร้มากขึ้น และยังพบว่าบริเวณกล่องเสียงจะมีขนาดที่เล็กลง ส่งผลให้มีเสียงคล้ายผู้หญิง และถ้าหากตัดลูกอัณฑะทั้ง 2 ข้างออกในวัยผู้ใหญ่จะส่งผลให้เป็นหมันไม่มีความรู้สึกทางเพศ และมีคุณลักษณะบางประการไปในทางเพศหญิง ได้แก่ ความแข็งแรงลดลง ขนาดของกล้ามเนื้อเล็กลง
- ฮอร์โมนเพศของเพศหญิง ในเพศหญิงรังไข่ถือว่าเป็นต่อมเพศ จะผลิตฮอร์โมนสำคัญที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางเพศของเพศหญิงออกมาที่สำคัญ ได้แก่ ฮอร์โมนเอสตราดิโอล (estradiol_ ฮอร์โมนฟอลลิคิวลาร์ (follicular) และฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (progesterone) โดยแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติในการกระตุ้นและพัฒนาการทางเพศในเพศหญิง เป็นต้นว่าฮอร์โมนเอสตราดิโอล และฮอร์โมนฟอลลิคิวลาร์ ซึ่งโดยภาพรวมจะมีอิทธิพลในการควบคุมคุณลักษณะของความเป็นหญิง ตลอดจนกระตุ้นให้อวัยวะเพศของเพศหญิงเปลี่ยนจากลักษณะในวัยเด็กไปสู่ลักษณะของวัยผู้ใหญ่มากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลให้มีรูปร่างที่ได้สัดส่วนมากขึ้น มีประจำเดือนและมีพัฒนาการทางด้านจิตใจที่เป็นผู้หญิง และเกิดความรู้สึกต้องการทางเพศขึ้นเช่นเดียวกับเพศชาย แต่โดยธรรมชาติความรู้สึกที่เกิดขึ้นดังกล่าวในเพศหญิงจะควบคุมอารมณ์และความต้องการได้ดีกว่าเพศชาย และพบว่าฮอร์โมนเอสตราดิโอลยังมีคุณลักษณะในการกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่ออกมาสลับกันข้างซ้าย ข้างขวา โดยมีฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนทำหน้าที่ให้ผนังมดลูกมีความหนาขึ้นเพื่อพร้อมรับการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมจากคุณลักษณะของฮอร์โมนเพศที่กล่าวมาสรุปได้ว่า ฮอร์โมนเพศเป็นปัจจัยภายในที่สำคัญที่เป็นสิ่งเร้าให้วัยรุ่นมีพัฒนาการของอารมณ์ทางเพศเกิดขึ้น และนำไปสู่การเกิดความต้องการทางเพศตามช่วงวัย ในเพศชายฮอร์โมนที่เป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องดังกล่าว คือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ส่วนในเพศหญิง คือ ฮอร์โมนเอสตราดิโอล และ ฮอร์โมนฟอลลิคิวลาร์
2. ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก
ปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก ในที่นี้หมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกต่างๆที่สามารถกระตุ้นหรือยั่วยุให้ผู้ที่รับรู้หรือได้รับการถ่ายทอดเกิดความรู้สึกที่เกิดเป็นอารมณ์ทางเพศขึ้น
สภาพแวดล้อมที่เป็นสิ่งเร้ามีหลากหลายรูปแบบที่สำคัญ ได้แก่ สื่อรูปแบบต่างๆ สภาพทางสังคม วัฒนธรรม และค่านิยมในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบางลักษณะ โดยสิ่งเร้าเหล่านี้จะมีคุณลักษณะและมีอิทธิพลที่กระตุ้นหรือยั่วยุให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศได้
1.) สื่อรูปแบบต่างๆที่กระตุ้นหรือยั่วยุให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศ
ปัจจุบันมีสื่อหลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะ สื่อทางเพศ ได้นำเสนอภาพหรือข้อความที่เกี่ยวกับเพศ ซึ่งมักจะนำไปสู่การกระตุ้นหรือยั่วยุให้ผู้รับสื่อโดยเฉพาะในวัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศ ความหลากหลายของสื่อในลักษณะดังกล่าวทำให้มีผู้เปรียบเปรยสื่อต่างๆ เหล่านี้ว่าเป็นสินค้าเพศพาณิชย์ ซึ่งนับวันจะมีการผลิตและนำมาเผยแพร่ให้เห็นเพิ่มมากขึ้น หากวิเคราะห์รูปแบบของสื่อที่จัดว่าเป็นกลุ่มสินค้าเพศพาณิชย์ในปัจจุบันที่พบเห็นได้ทั่วไปที่สำคัญ ได้แก่ สื่อที่อยู่ในรูปของหนังสือ หรือวารสารต่างๆ สื่อที่อยู่ในรูปของภาพยนตร์ที่มีการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเพศ และที่สำคัญยิ่ง คือ ในปัจจุบันระบบอินเทอร์เน็ตได้ถูกนำมาใช้เป็นสื่อทางเพศอีกหนึ่งช่องทาง อินเทอร์เน็ตนอกจากถูกจัดให้เป็นสื่อสร้างสรรค์แล้ว บางกรณีการนำเสนอความรู้ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ มักมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเพศ รวมไปถึงรูปแบบของเกมออนไลน์ต่างๆ ที่ขาดการดูแลและการจัดการที่ดี นอกจากจะยั่วยุและกระตุ้นให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังอาจนำไปสู่การมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศได้ด้วย จากความสำคัญของสื่อในรูปแบบต่างๆที่กล่าวมาอาจกล่าวได้ว่า สื่อที่กล่าวมาจัดเป็นสิ่งเร้าภายนอกที่สำคัญซึ่งผู้เกี่ยวข้องตลอดจนวัยรุ่นจะต้องให้ความระมัดระวังในการรับสื่อ และให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว
2.) สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป
ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างหนึ่งว่า สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมไทยได้เปลี่ยนไปจากสภาพเดิม นับตั้งแต่ที่มีการถ่ายเทอารยธรรรมตะวันตกเข้าสู่สังคมไทย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหลายลักษณะ โดยเฉพาะในประเด็นความเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง การคบเพื่อนต่างเพศของวัยรุ่นไทย พบว่ามีสิระเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ปัจจุบันสภาพของครอบครัวไทยมีความเปลี่ยนแปลงไป ผู้ปกครองมีเวลาใกล้ชิดกับบุตรหลานน้อยลงซึ่งเป็นผลมาจากสภาพของภาวะทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังพบว่าความมีอิสระของสื่อต่อการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเพศ สิ่งต่างๆดังกล่าวเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นสิ่งเร้าภายนอกที่สำคัญที่สามารถที่จะเร้าและกระตุ้นให้วัยรุ่นเกิดความต้องการทางเพศขึ้นได้ ถ้าหากขาดการดูแลและการควบคุมที่ถูกต้องเหมาะสม
3.) ค่านิยมและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในบางลักษณะของวัยรุ่น
ผลจากสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมทางสังคมไทยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้วัยรุ่นไทยเกิดค่านิยมและมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในหลายลักษณะ เป็นต้นว่าค่านิยมในเรื่องการแต่งกายตามสมัยนิยม ( fashion ) ที่มากเกินควรของวัยรุ่น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น ลักษณะการสวมเสื้อผ้าที่รัดรูปหรือเปิดเผยสัดส่วนร่างกายของวัยรุ่นเพศหญิง ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวจะกระตุ้นและยั่วยุให้วัยรุ่นชายเกิดอารมณ์ทางเพศได้ นอกจากนี้ยังพบว่าวัยรุ่นมักจะมีค่านิยมที่เกี่ยวกับความต้องการในการแสดงออกโดยอิสระ เป็นต้นว่า การเที่ยงเตร่ในเวลากลางคืน การสัมผัสร่างกายของเพศตรงข้าม หรือการจับมือถือแขนอย่างเปิดเผยในที่สามธารณะ การอยู่ตามลำพังสองต่อสอง หรือการไม่ให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาพรหมจรรย์ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่สามารถจะกระตุ้นหรือยั่วยุให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่วัยรุ่นควรได้ตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เพราะหากไม่สามารถควบคุมอารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบที่ก่อให้เกิดผลเสียขึ้นได้
3. การเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลจากการเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น
อารมณ์ทางเพศหรือความต้องการทางเพศที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นไม่ว่าจะเกิดจากสิ่งเร้าภายในหรือภายนอกก็ตาม มักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 2 ลักษณะสำคัญ ประกอบด้วย ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ และลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพร่างกาย
1. ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ
ปกติขณะที่คนเราเกิดอารมณ์ทางเพศ พบว่าจะมีจินตนาการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะมากหรือน้อยหรือมีความแตกต่างกันย่อมขึ้นอยู่กับพื้นฐานความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของแต่ละคน และโดยทั่วไปพบว่า ความตื่นเต้นทางเพศที่เป็น
พื้นฐานของการเกิดอารมณ์ทางเพศในเพศหญิงจะเกิดอารมณ์ได้ช้าเก่าเพศชาย ซึ่งหมายความว่า โดยธรรมชาติเพศหญิงจะควบคุมอรมณ์ทางเพศได้ดีกว่าเพศชาย อย่างไรก็ตามทั้งพศชายและเพศหญิงเมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้น หากความสามารถในการควบคุมอารมณ์และการจัดการในเรื่องดังกล่าวไม่ดีพอก็มักจะส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพจิตขึ้นได้ โดยเริ่มจากสภาวะทางด้านจิตใจที่เกิดภาวะความเครียดขึ้น แล้วนำมาสู่ภาวะของความวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศจนนำไปสู่การขาดความเชื่อมั่นในตนเองได้ นอกจากสภาวะของความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้นแล้วอารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นยังเป็นแรงขับทางธรรมชาติที่ส่งผลให้วัยรุ่นมีความสนใจ และเกิดความต้องการที่จะศึกษาเรียนรู้ละทำความเข้าใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเพศเพิ่มขึ้น ดังจะเห็นได้จากผลการสรุปในการจัดประชุมวิชาการ เพศศึกษาเพื่อเยาวชนครั้งที่ 1 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ข้อสรุปจากการประชุมพบว่า เยาวชนไทยส่วนใหญ่ (วัยรุ่น) ต้องการที่จะศึกษาละเรียนรู้เก่ยวกัชบเรื่องเพศศึกษาอย่างถูกต้อง และต้องการที่จะให้มีการสอนเพศศึกษาเพื่อให้รู้จักวิธีการคิด การวิเคราะห์ และการแยกแยะความถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องเพศ รวมทั้งยังต้องการให้มีการสอนเพศศึกษาแก่เยาวชนไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อยืนยันได้อีกอย่างหนึ่งว่า โดยธรรมชาติของวัยรุ่นแล้ว เรื่องเพศเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่วัยรุ่นให้ความสนใจ ละต้องการที่จะศึกษาเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้ที่ขาดความเข้าใจที่ถูกต้องก็อาจส่งผลเสียให้เกิดขึ้นได้
2.ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพร่างกาย
ขณะที่สภาพจิตใจมีการเปลี่ยนแปลงและการแสดงออกถึงความต้องการทางเพศ ปฏิกิริยาของร่างกายที่แสดงให้เห็นถึงสภาวะความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของร่างการจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศที่มีการไหลเวียนของเลือกที่ส่งมามากขึ้น ส่งผลให้อวัยวะเพศเกการขยายตัว ในเพศชาย พบว่าบริเวณองคชาตหรือลึงค์ (penis) จะมีขนาดเพิ่มขึ้นและแข็งตัวขึ้น ผนังที่หุ้มลูกอัณฑะ (scrotum) จะหนาขึ้น ลูกอัณฑะจะเคลื่อนตัวสูงขึ้น ในเพศหญิง พบว่าบริเวณอวัยวะเพศนอกจากจะขยายตัวแล้ว บริเวณช่องคลอดอาจมีการขับน้ำหล่อลื่นออกมา รวมทั้งกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวยังอาจเกิดการหดรัดตัวเกิดขึ้นเป็นระยะ
นอกจากการเปลี่ยนแปลงบริเวณอวัยวะเพศแล้ว ผลจาการเกิดอารมณ์ทางเพศยังส่งผลให้การสูบฉีดเลือดของหัวใจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เลือดไหลเวียนเพิ่ม เป็นผลให้ผิวหนังบริเวณที่สังเกตได้มีการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นสีแดงเพิ่มขึ้น เช่น บริเวณใบหน้า ลำคอ อก และหน้าท้อง นอกจากนี้ในเพศหญิงหัวนมและเต้าอาจมีการขยายตัวขึ้น
4.ผลกระทบจากการเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น
ลักษณะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจและร่างกายซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่นที่ได้กล่าวมา แม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและวัยรุ่นเองก็ไม่ควรที่พยายามฝืน หรือแสร้งทำว่าตนเองไม่มีความรู้สึกในเรื่องดังกล่าว เพราะการกระทำดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่จิตใจและร่างกายของวัยรุ่นได้ แต่อย่างไรก็ตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้ก็ควรที่จะได้รับการควบคุมและจัดการให้ถูกต้องเหมาะสม เพราะหากขาดการควบคุมและจัดการที่ถูกต้องแล้วย่อมจะนำมาสู่ผลกระทบในด้านลบได้
ผลกระทบด้านลบที่จะเกิดขึ้นจากการเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่นจนนำมาสู่ปัญหาทางสังคมที่เห็นได้ชัดอีกประการหนึ่งในปัจจุบัน คือ การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่น ซึ่งนำมาสู่ปัญหาต่างๆตามมา เป็นต้นว่า การเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ในวัยรุ่น การเกิดปัญหาการติดโรคสัมพันธ์และโรคเอดส์ในวัยรุ่น โดยปัญหาเหล่านี้ถือว่าเป็นปัญหาที่เป็นผลกระทบที่สืบเนื่องมาจากการเกิดอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่นที่ไม่ได้รับการควบคุมและจัดการที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งผลกระทบดังกล่าวถือได้ว่าเป็นปัญหาทางสังคมที่สำคัญอีกประการหนึ่งในสังคมปัจจุบัน
5.แนวทางในการจัดการกับอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น
การจัดการกับอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่นมีแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญอย่ 2 ลักษณะ ประกอบด้วย แนวทางการปฏิบัติเพื่อระงับอารมณ์ทางเพศ และ แนวทางการปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายความต้องการทางเพศ
1.แนวทางการปฏิบัติเพื่อระงับอารมณ์ทางเพศ
แนวทางการปฏิบัติเพื่อระงับอารมณ์ทางเพศ ในที่นี้หมายถึง ความพยายามในการที่จะหลีกเลี่ยงต่อสิ่งเร้าภายนอกที่มากระตุ้นให้อารมณ์ทางเพศมีเพิ่มมากขึ้น
แนวทางการปฏิบัติเพื่อระงับอารมณ์ทางเพศ
1) หลีกเลี่ยงการดูหรืออ่านข้อความจากสื่อต่างๆที่มีภาพหรือข้อความที่สามารถยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นได้ เช่น การดูหนังสือหรือภาพยนตร์ หรือสื่ออินเทอร์เน็ตที่มีภาพหรือข้อความที่แสดงออกทางเพศซึ่งเป็นการยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ
2 )หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรือการทำตัวให้ว่างหรือการปล่อยตัวให้มีความสบายเกินไป เช่น การตนอนเล่นๆ โดยไม่หลับ การนั่งฝันกลางวันหรือจินตนาการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ หารอยู่ในสภาพของบรรยากาศที่มีแสงสีเสียงที่ก่อหรือปลุกเร้าให้เกิอารมณ์ทางเพศ หรือจินตนาการในเรื่องทางเพศได้
3 ) หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดโอกาสการถูกสัมผัสในลักษณะต่างๆกับเพศตรงข้ามซึ่งการกระทำดังกล่าวมักจะก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ ซึ่งผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวพบว่า การกระทำต่อไปนี้จะมีส่วนที่ส่งให้วัยรุ่นทั้งเพศชายและเพศหญิงเกิดอารมณ์ทางเพศ และ สามารถที่จะพัฒนาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้ในระดับต่างๆกัน ดังนี้1 การจับมือถือแขนสามารถพัฒนาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้ร้อยละ 10 การกอดจูบสามารถพัฒนาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้ร้อยละ 60 การลูบคลำสามารถพัฒนาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้ร้อยละ 80 และการเล้าโลมสามารถพัฒนาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้ร้อยละ 100 ซึ่งสถานการณ์ที่กบ่าวมาเป็นสิ่งที่วัยรุ่นทั้งเพศชายและเพศหญิงควรหลีกเลี่ยงเพราะจะช่วยระงับอารมณ์ทางเพศไม่ให้เกิดขึ้นได้
4)หลีกเลี่ยงและรู้จักปฏิเสธเมื่อถูกชักชวนให้เที่ยวเตร่พักผ่อนหย่อนใจในแนวทางที่กระตุ้นให้เกดอารมณ์ทางเพศขึ้นได้ เช่น การเที่ยวเตร่ในแหล่งบันเทิงที่มีการแสดงในเชิงยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ หรือการพบปะสังสรรค์ที่มีการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมหรือเครื่องดื่มมึนเมาต่างๆ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะนำมาสู่การกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้
2.แนวทางการปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายความต้องการทางเพศ
การปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายความต้องการทางเพศ ในที่นี้หมายถึง การผ่อนคลายความเครียดของอารมณ์ที่เกิดมาจากความต้องการทางเพศซึ่งเป็นผลมาจากสิ่งเร้าต่างๆ ด้วยวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม โดยการปฏิบัติดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อบุคคลอื่น ตลอดจนรวมไปถึงสุขภาพของผู้ปฏิบัติ
วิธีการปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายความต้องการทางเพศโดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 ลักษณะประกอบด้วยวิธีการผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการเบี่ยงเบนอารมณ์ทางเพศ (sexual emotion deviation) และวิธีการผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการบำบัดความใครด้วยตนเอง (masturbation)
1)การผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการเบี่ยงเบนอารมณ์ทางเพศ
การเบี่ยงเบนอารมณ์ทางเพศหมายถึง การใช้แนวทางในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ เพื่อหันเหความสนใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเพศ และยังเป็นการลดพลังความต้องการทางเพศที่กิดขึ้นในช่วงวัยดังกล่าวให้ลดระดับความรู้สึกในเรื่องดังกล่าวลง
การเบี่ยงเบนอารมณ์ทางเพศมีวิธีการในการปฏิบัติได้หลายลักษณะ เช่น การออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาทุกวัน เพื่อไม่ให้จิตใจมัวเคลิบเคลิ้มไปกับอารมณ์ทางเพศ เข้าร่วมในกิจกรรมนันทนาการ หรือร่วมในกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมตามโอกาสที่เหมาะสม ฯลฯ โดยการปฏิบัติที่กล่าวมาจะช่วยให้มีความเพลิดเพลินและผ่อนคลายความตึงเครียดต่างๆ ของอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้
2)การผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการบำบัดความใคร่ด้วยตนเอง
การบำบัดความใคร่ด้วยตนเอง หมายถึงการผ่อนคลายความต้องการทางเพศด้วยการจูงใจกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศในตนเองด้วยการกระตุ้นบางส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก็ได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องสัมผัสจับต้องที่บริเวณอวัยวะเพศแต่เพียงอย่างเดียว จนเกิดการผ่อนคลายต่อความต้องการทางเพศที่เกิดขึ้น
การบำบัดความใคร่ด้วยตนเองนี้ นักจิตวิทยาส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาการทางเพศตามธรรมชาติของคนเรา ซึ่งจะไม่มีผลร้ายแรงต่อสุขภาพ นอกจากนี้จากการศึกษาทางเพศวิทยา พบว่าการบำบัดความใคร่ด้วยตนเองที่ปฏิบัติด้วยวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมนอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและจิตใจไม่ว่าในทางใดแล้วตรงกันข้ามยังส่งผลให้สุขภาพทางกายและทางจิตของบุคคลดีขึ้นได้อีกด้วย โดยเฉพาะในแง่ของความกดดันทางเพศที่ถือว่าเป็นการตอบสนองความต้องการทางเพศได้โดยตรงที่ดีที่สุด และในทางการแพทย์ถือว่ามีประโยชน์ในแง่ของการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ในทางจิตวิทยาและในทางการแพทย์มีความเห็นที่สิดคล้องว่าการบำบัดความใคร่ด้วยตนเองโดยทั่วไปจะไม่ก่อให้เกิดความผิดปกตติทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ก็ไม่ควรปฏิบัติบ่อยจนเกิดความหมกมุ่นต่อเรื่องดังกล่าว ซึ่งก่อให้เกิดเป็นลักษณะนิสัยซึ่งอาจส่งผลลบต่อบุคลิกภาพและความเข้มแข็งทางด้านการควบคุมอารมณ์ที่ดีได้ ดังนั้นหากมีความจำเป็นและไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวได้ ควรระลึกและคำนึงถึงหลักการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องใน 3 ลักษณะที่สำคัญซึ่งประกอบด้วย (1) ต้องคำนึงในหลักของความสะอาดเป็นพื้นฐาน และ (2) ต้องคำนึงถึงสถานการที่ในการปฏิบัติ คือ ต้องมีความเป็นส่วนตัว ไม่ประเจิดประเจ้อและ (3) ต้องไม่ปฏิบัติด้วยวิธีการที่รุนแรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดบาดแผลหรือมีการอักเสบติดเชื้อได้
รูปแบบและวิธีปฏิบัติของการบำบัดความใคร่ด้วยตนเอง
ในแต่ละเพศจะมีรูปแบบและวิธีปฏิบัติในการบำบัดความใคร่ด้วยตนเอง โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้
1) ในเพศชาย มีวิธีการง่ายๆ โดยทั่วไปพบว่า เพศชายมักจะใช้มือไปกระตุ้นหรือสัมผัสที่องคชาต(ลึงค์) หรือบริเวณอื่นๆที่ไวต่อความรู้สึกจนบรรลุถึงความต้องการทางเพศ โดยการปฏิบัติดังกล่าวไม่จำเป็นต้องมรการแข็งตัวขององคชาต หรือการเกิดการหลั่งน้ำกาม ตลอดจนบรรลุถึงจุดสุดยอดทางเพศเสมอ และในการปฏิบัติดังกล่าวต้องระลึกถึงหลักการสำคัญใน 3 ลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น
2) ในเพศหญิง พบว่ามีวิธีปฏิบัติในหลายวิธี เช่น การใช้บริเวณต้นขาหนีบอุปกรณ์ประกอบการนอน เช่น หมอน ผ้าห่ม ไว้แน่นๆ หรืออาจใช้มือสัมผัสด้วยความนุ่มนวลบริเวณอวัยวะที่ไวต่อความรู้สึก จนบรรลุถึงความต้องการทางเพศ และในการปฏิบัติเพื่อบำบัดความใคร่ด้วยตนเองของเพศหญิงจะต้องให้ความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการปฏิบัติในบางลักษณะที่มีความรุนแรง เช่น การใช้น้ำฉีดที่บริเวณอวัยวะเพศ เพราะอาจทำให้อวัยวะเพศสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนมากับน้ำ หรือการใช้นิ้วหรือวัตถุใดๆ สอดเข้าไปเสียดสีในช่องคลอด ซึ่งวิธีการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบที่ก่อให้เกิดอันตรายโดยเฉพาะการอักเสบและการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ จนอาจเป็นอันตรายที่ร้ายแรงตามมา และต้องระลึกถึงหลักการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับ 3 ลักษณะสำคัญที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วย
เรียนรู้...สู่...ปฏิบัติ
1. เขียนแผนที่ความคิดเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศ
2. แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ร่วมกันศึกษาค้นคว้าและจัดอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขปัญหาสังคมไทยที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการแสดงอาารมณ์ทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่น แล้วบันทึกผลสรุปลงในสมุดบันทึก
3. ศึกษาเกี่ยวกับแนวทางในการจัดการกับอารมณ์ทางเพศของวัยรุ่น และเขียนสรุกลงในสมุดบันทึกพร้อมกับนำมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน
แหล่งสืบค้น ความรู้
· นักเรียนสามารถค้นคว้าความรู้เรื่อง อิทธิพลที่ส่งผลต่อพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น เพิ่มเติมได้จาการสอบถามครูอาจารย์ นักจิตวิทยา หรือศึกษาจากสื่อเอกสารทางวิชาการที่เกี่ยวข้องและที่เว็บไซต์ http :// www.teenpath.net หรือ http :// www.moph.go.th/educhealth หรือ http ://www.elibe-online.com/doctor47/teenage 01.html